ทำไมคุณต้องเลือกเลนส์ของ Zeiss?
สิ่งที่ Zeiss ต่างจากเลนส์อื่น คือ Zeiss เป็นบริษัทผลิตเลนส์ที่มีความชำนาญในการผลิตเลนส์มายาวนาน ตั้งแต่ ปี 1846 หรือ กว่า 170 ปี ไม่เคยเปลี่ยนมือ Zeiss คือหนึ่งในบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง และได้รับการยอมรับสูงสุดในอุตสาหกรรมเลนส์และแว่นตาทั่วโลก ไม่เคยหยุดพัฒนาเลนส์มามากกว่า 170 ปี และจะยังคงมีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านออพติคอย่างต่อเนื่อง
เลนส์ของ Zeiss มีเทคโนโลยี แก้ปัญหาการมองเห็นแบบใดได้บ้าง
โดยธรรมชาติของเลนส์ จะมี aberration เกิดขึ้นทั้งหมด 6 ชนิด
1 Spherical aberration
จากรูปด้านบน คือรูปในอุดมคติ ซึ่งทำให้เกิดโฟกัาที่จุดเดียว และมันคือสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด แต่ในความเป็นจริง มักจะเกิดตามรูปด้านล่างมากกว่า เราเรียกว่า Spherical aberration เกิดเพราะบนเลนส์ 1 ชิ้น มีดัชนีหักเหเพียงค่าเดียว และจะดีที่สุดเมื่อแสงผ่าน Optical Axis แต่ไม่สามารถทำให้แสงผ่านจุดนั้นจุดเดียวได้ เพราะตำแหน่งที่ต้องการนั้นมีขนาดเล็ก
วิธีการแก้ไข Spherical aberration คือ
1 ทำให้เลนส์นั้นมี corrected base curve โดยการผลิตเลนส์ให้มี base curve ตรงกับค่าสายตาตามการคำนวณ นั่นคือ base curve หนึ่ง จะเหมาะสมกับค่าสายตาหนึ่งเท่านั้น (ในที่นี้ เราจะนับ base curve คือ ความโค้งของเลนส์ด้านหน้า และ prescription curve ด้านหลัง เราจะใช้เป็นตัวกำหนดค่าสายตา)
2 โครงสร้างด้านหลังที่เป็นตัวกำหนดค่าสายตา เราสามารถทำให้มีโครงสร้าง Asphere (ความโค้งด้านหลัง ที่ถ้าลากเส้นต่ออกมาจะไม่เป็นวงกลม ซึ่งจะเป็นวงรีแทน) ซึ่งถ้าปกติจะเป็นโครงสร้างที่มีความโค้งเป็นแบบ sphere(ความโค้งด้านหลัง ที่ถ้าลากเส้นต่อออกมา จะกลายเป็นวงกลม) ซึ่ง Asphere จะทำให้ในบริเวณขอบของเลนส์มีความโค้งน้อยลง จากทฤษฎีเรื่อง aperture stop ทำให้เรารู้ว่า ความโค้งจะเป็นตัวกำหนดมุมมองภาพผ่านเลนส์ เมื่อความโค้งน้อยลง มุมมองผ่านเลนส์จะกว้างขึ้น สิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือ เมื่อมีความโค้งที่น้อยลง Spherical aberration ก็เกิดขึ้นน้อยลงเช่นกัน ข้อเสียก็มี คือบริเวณขอบเลนส์ที่มีโครงสร้างโค้งแบบ Asphere จะทำให้ค่าสายตาบริเวณนั้นผิดเพี้ยนไปด้วยการประกอบเลนส์เข้าแว่นตาจึงต้องคำนึงถึงจุดกึ่งกลางมากขึ้นด้วย แต่ปัจจุบันเทคโนโลยี มีการพัฒนาไปมาก ในด้านของความละเอียดมากขึ้นในการผลิต ทำให้เราได้เลนส์ที่มีข้อผิดพลาดน้อยลง ภาพที่เกิดจากเลนส์นั้นๆชัดขึ้น ลูกค้าใส่สบายขึ้น Zeiss เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเลนส์ที่มีเทคโนโลยีเหล่านี้
2 Chromatic Abberration
Chromatic แปลว่า สี ในที่นี้ chromatic abberration จึงหมายความว่า เกิดความคลาดของสี โดยปกติ แสงที่เรามองเห็นได้ จะเห็นในช่วงความยาวคลื่นตั้งแต่ 400-700 นาโนเมตร โดยประมาณ แสงในช่วงความยาวคลื่นต่างกัน สามารถผ่านตัวกลางด้วยความเร็วต่างกัน (ตาม v=fλ ถ้าพูดในมุมของแสง λ = 1/n เมื่อ n คือดัชนีหักเหของตัวกลาง) โดยมักจะเกิดเมื่อแสงผ่านบริเวณขอบของเลนส์ เพราะเลนส์มีความหนา และเรามักไม่ค่อยเห็น
Chromatic abberration นี้ สามารถตีค่าได้ โดยเรียกgเป็น abbe ที่เกิดขึ้นต่อวัสดุ เช่น
วัสดุ CR39 มีดัชนีหักเห 1.5 มีค่า abbe 60
วัสดุ Polycarbonate ดัชนีหักเห 1.589 มีค่า abbe 29
abbe สูง หมายความว่า จะมี Chromatic abberration ในเลนส์ที่ใช้วัสดุนั้นน้อย
วิธีลดการเกิด Chromatic abberration
สามารถเลือกเลนส์ที่มีดัชนีหักเหที่เหมาะสมต่อค่าสายตา ทั้งนี้ ควรให้นักทัศนมาตรเป็นผู้เลือกให้ เพราะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด ไม่มีวิธีแก้ ทำได้แค่เพียงลดการเกิดเท่านั้น ในอนาคต อาจจะมีวัสดุที่มีดัชนีหักเหสูง และ ค่า abbe สูงๆ เพื่อให้เกิดความคลาดของสีน้อยๆ