กว่าจะมาเป็นร้านแว่นตาที่สามารถมอบการมองเห็นที่ดีที่สุด
ก่อนเราจะมีวันนี้ เราต้องผ่านความไม่รู้ เมื่อก่อนนั้น เราสามารถเปิดร้านแว่นได้ด้วยการอบรม 180 ชั่วโมงกับโรงเรียนส่งเสริมวิชาการแว่นตาแห่งประเทศไทย ซึ่ง ร้านแว่นตาส่วนใหญ่ก็เริ่มต้นคล้ายๆกัน ก็มีบ้างที่เคยเป็นช่างแว่นตาที่ได้รับการถ่ายทอดจากเจ้าของร้านรุ่นก่อนๆ ซึ่งมีความรู้ และเมื่อถึงเวลาก็เปิดร้านตัวเอง ร้านแว่นตาเบทเทอร์อาย ก็เริ่มต้นแบบนี้เช่นกัน แต่เรามีความตั้งปณิธานตั้งแต่เปิดร้านครั้งแรกเอาไว้ว่า เราจะต้องมอบการมองเห็นที่ดีที่สุดให้ลูกค้า และเมื่อเปิดร้านไปได้สักระยะ เราจึงพบว่า ยังมีปัญหาที่เราไม่สามารถแก้ได้ ลูกค้าใส่อว่นแล้วไม่สบาย ทั้งๆที่ทุกอย่างถูกต้อง คำถามคือ เพราะอะไร เราสอบถามเพื่อนที่เรียนจากสมาคมด้วยกัน ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ และพอดีกับที่มีเพื่อนชวนไปเรียน หลักสูตรทัศนมาตร ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงชวนกันไปเรียนต่อ ปัจจุบันเป็นคณะทัศนมาตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ที่นี่เราเรียนรู้ ในระดับที่สูงขึ้นไป ทั้งความรู้ในเรื่องเลนส์ เราเรียน 4 เล่ม ถือว่าละเอียดและครอบคลุม ความรู้เกี่ยวกับปัญหากล้ามเนื้อตาเรื่องนี้เราเรียน 7 เล่ม โรคตาส่วนหน้า โรคตาส่วนหลัง ทีนี้การตรวจสายตาของนักทัศนมาตรเราลองเอามาเทียบกัน วิธีอาจจะเหมือนกัน แต่เนื้อหาต่างกัน เพราะทุกขั้นตอนที่เราทำ มีเหตุและผลที่เราต้องทำแบบนั้น ลองไปดูตามลิ้งค์ครับ https://www.better-eye.com/article/ขั้นตอนการตรวจสายตาโดยนักทัศนมาตร
หลังจากไปเรียน เราค่อยๆรู้เหตุผลที่ทำให้แว่นตาใส่ไม่สบาย และทยอยเรียกลูกค้ากลับมาแก้ไข เหมือนกับเรียนไปด้วยเลย ขอบคุณลูกค้าที่มาเป็นเคสให้ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ตัวก็ตาม และทำให้เราค่อยๆมีประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยถึงแนวทางการแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบการเห็น
ทีนี้เป็นเรื่องเลนส์บ้าง ตามปกติ บริษัทเลนส์จะมีการเทรนนิ่งหรือสอนถึงคุณสมบัติต่างๆของเลนส์ บอกตรงๆว่าเมื่อก่อนเราไม่ค่อยเข้าใจ แต่หลัวงจากเรียนจบ เราก็ไปฟังบรรยายคุณสมบัติของเลนส์ตามปกติ แต่คราวนี้สิ่งที่เราเรียนทฤษฎีมาแล้ว เราเอามาแมทช์กับสิ่งที่บริษัทเลนส์บรรยาย ปรากฎว่าเราสามารถแยกได้แล้วว่า เลนส์ที่ต่างกันนั้นมีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร ทำให้การเลือกว่าจะให้เลนส์ชนิดใด หรือยี่ห้ออะไรรุ่นไหน เหมาะกับปัญหาของลูกค้าแบบไหน และแก้ไขปัญหาของลูกค้าที่มีปัญหาสายตาได้ดีขึ้น
พอเรามาถึงขั้นนี้แล้ว ทำให้เราเปลี่ยนมุมมอง เราคิดว่า ลูกค้าของเรา(ในอนาคตเราเป็นสถานพยาบาล เราจะเรียกลูกค้าว่าคนไข้แทนครับ) ถ้าเขาเข้ามาหาเราแสดงว่า เขาคงจะมีปัญหา ซึ่งบางครั้งลูกค้าที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับสายตา ไม่สามารถแยกแยะปัญหาของเขาเองได้แน่นอน เราจึงมักจะถามลูกค้าเบื้องต้นก่อนว่า ปัญหาที่มีคืออะไร และอาจจะซักเพิ่มถึงปัญหาอื่นๆดังที่ลูกค้าที่เข้ามามักจะถูกถามเรื่องปัญหาอื่น
ปัญหาอื่นๆที่มักจะเจอ เช่น บางคนมีปัญหากล้ามเนื้อตา อาการมักจะมาด้วยการมองเห็นภาพซ้อน เมื่อมองสองตา หรือบางคน มองใกล้ไม่ชัด หาหมอก็ปกติดี ทุกอย่างก็ปกติ ระบบ Accommodation(การเพ่ง) ก็ปกติ เราตรวจทุกขั้นตอนอย่างละเอียด จึงพบว่า เจอปัญหาของกล้ามเนื้อตา ทำให้รวมภาพที่ระยะใกล้ได้ไม่ดี และแนะนำเบื้องต้นให้ทำ Vision training และให้อุปกรณ์ไปทำเองที่บ้าน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำยาก และไม่ค่อยทำเพราะมันยากจริงๆ แต่ถ้าทำได้จะเป็นเรื่องดี เพราะสามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ ก็มีบ้างที่เจอโรคตา เราจะแนะนำไปพบจักษุแพทย์แทน เพราะต้องได้รับการรักษาซึ่งคนไข้บางคนก็ตกใจ บางคนก็รู้สึกดีเพราะการได้รู้ถึงสุขภาพตัวเองเป็นเรื่องดี และสามารถรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่จะลุกลามไปและรักษายากขึ้น
พอถึงตอนนี้เรามั่นใจว่า สิ่งที่เราเรียนรู้มา สามารถมอบการมองเห็นที่เหมาะสมที่สุดให้กับลูกค้าทุกคนได้ เพราะทุกอย่างเรามีพร้อม ทั้งความรู้และ เทคโนโลยีของเครื่องมือต่างๆ
นักทัศนมาตรประจำร้าน มี 3 ท่าน
ทำไมต้องมีเยอะ คนเดียวไม่พอเหรอ ที่ร้านมีห้องตรวจ 2 ห้อง เพราะในพื้นที่รอบๆ มีนักทัศนมาตรเพียงร้านเราร้านเดียว เวลาลูกค้าเยอะ มีคนเดียวไม่เพียงพอที่จะบริการ และทุกเคสของเราจะตรวจโดยนักทัศนมาตร
อุปกรณ์ที่ใช้ตรวจสายตาตามขั้นตอนปกติ
ห้องตรวจมีความจำเป็นต้องมีขนาด 6 เมตร
นั่นเพราะว่า การปรับโฟกัสของดวงตาเรา เป็นแบบนอกเหนืออำนาจจิตใจ ควบคุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติ และหากเกิดขึ้นในตอนที่เราต้องการหาค่าสายตา นั่นเพราะระยะที่ทำการวัดไม่เทียบเท่าระยะอนันต์ แต่ระยะที่สามารถเทียบค่าระยะอนันต์ได้ คือ ระยะ 6 เมตรขึ้นไป และจอภาพที่ใช้ตรวจต้องมีแสงสว่างเพียงพอ ตัวหนังสือคมชัดและมีขนาดตรงตามมาตรฐาน ระยะของห้องตรวจที่ถูกต้องจะสามารถควบคุมการปรับโฟกัสอัตโนมัติได้ นั่นคือไม่มีการปรับโฟกัสนั่นเอง ค่าสายตาจะได้ค่าที่เหมาะสม และเรายังทำให้ได้ค่าสายตาที่เป็นค่าลบน้อยที่สุดที่จะมองเห็นชัดที่สุด และเมื่อเราทำการตรวจระบบทำงานของกล้ามเนื้อตา จะได้ค่าที่มีความผิดพลาดน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย นั่นคือความสำคัญของห้องตรวจ 6 เมตร ลูกค้าจะได้รับสิ่งนี้ทุกท่าน
DNEye Scanner 2+ รุ่นใหม่ล่าสุด
เราใช้เครื่อง DNeye Scanner 2+ ในการตรวจดวงตา เครื่องนี้สามารถตรวจหาความหนาของกระจกตา ตรวจดูมุมของช่องระบายน้ำตา ทำแบบจำลองของกระจกตา Cornea topographe สามารถวินิจฉัยได้เลยว่าเป็น โรคของกระจกตาหรือไม่ สามารถถ่ายภาพกระจกตา ทำให้สามารถตรวจได้ว่ามีต้อกระจกหรือไม่ และยังสามรถวัดความดันลูกตา และเพราะเป็น เครื่อง scanner สิ่งที่สำคัญคือ เครื่องนี้สามารถสร้างแบบจำลองดวงตาของเราได้ เพื่อนำไปสร้างเป็นเลนส์สายตาที่เฉพาะเจาะจงกับตัวบุคคล ซึ่งทำให้ได้การมองเห็นที่ดีที่สุด ลูกค้าที่มีข้อบ่งชี้ว่าอาจจะมีปัญหา เราจะใช้เครื่องนี้ตรวจให้ครับ หรือต้องการผลิตเลนส์ตามโมเดลอายของท่านเองก็จะตรวจถึงแม้จะไม่มีข้อบ่งชี้ แต่จำเป็น
เครื่องมือประกอบแว่น
เมื่อเราได้ทุกอย่างที่ดีที่สุดมาแล้ว ทั้งค่าสายตาที่เหมาะสม และเลนส์ที่ผลิตมาแบบเฉพาะบุคคล และแว่นที่มีคุณภาพดี สิ่งที่สามารถทำให้กรอบและเลนส์คุณภาพดี ประกอบขึ้นมาเป็นแว่นได้ นั่นคือเครื่องฝนเลนส์ ทางร้านใช้เครื่องที่มีระบบคอมพิวเตอร์ในการควบคุม ทำให้ได้ความแม่นยำและสวยงาม เหมาะกับคุณลูกค้า และแว่นทุกอันจะถูกประกอบด้วยเครื่องนี้ทุกอัน